บิลล์ เกตส์ (Bill Gates) ผู้ก่อตั้งบริษัทซอฟต์แวร์ยักษ์ใหญ่ไมโครซอฟท์ แสดงวิสัยทัศน์ด้านการศึกษาไว้บนเวทีงาน Techonomy ซึ่งจัดขึ้นที่แคลิฟอร์เนียเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยบิลล์ เกตส์มองอนาคตของโลกการศึกษาว่า อินเทอร์เน็ตจะเป็นสถานที่แห่งการเรียนรู้ของประชากรโลกในอีก 5 ปีนับจากนี้ ไม่ใช่มหาวิทยาลัยหรือสถาบันการศึกษา
"อีก 5 ปีนับจากนี้ คุณจะสามารถค้นหาเลกเชอร์หลายๆ บทที่ดีที่สุดในโลกได้อย่างอิสระจากเว็บไซต์" ซึ่งเกตส์เชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจะดีกว่าการศึกษาจากมหาวิทยาลัยแห่งเดียว
ความ เชื่อนี้ของเกตส์เกิด ขึ้นเพราะปัจจัยเสริม 2 ด้าน หนึ่งคือด้านค่าใช้จ่ายของการเรียนระดับมหาวิทยาลัยที่มีค่าใช้จ่ายสูง โดยในสหรัฐฯนั้น ค่าใช้จ่ายของการเรียนมหาวิทยาลัยโดยเฉลี่ยนั้นสูงถึง 200,000 เหรียญต่อ 4 ปี (ราว 6.3 ล้านบาท) ปัจจัยที่ 2 คือข้อจำกัดของตำราเรียน ซึ่งโลกอินเทอร์เน็ตจะมีผลให้นักศึกษาในเอเชียสามารถเข้าถึงตำราเรียนได้ ทั่วถึงยิ่งขึ้น
เกตส์มองว่าการศึกษาผ่านเว็บไซต์ในอนาคตจะมีการให้เครดิตหรือใบ ประกาศที่สามารถนำไปอ้างอิงเพื่อการประกอบอาชีพได้ เชื่อว่าอัตราค่าเล่าเรียนที่นักศึกษาอเมริกันต้องชำระจะลดลงจาก 50,000 เหรียญต่อปี (ราว 1.5 ล้านบาท) ลงมาอยู่ที่ 2,000 เหรียญต่อปี (ราว 63,000 บาท)
วิสัยทัศน์ของเกตส์นั้นถูกมองว่าสมเหตุสมผล เนื่อง จากการเรียนผ่านอินเทอร์เน็ตไม่เพียงจะสามารถแก้ปัญหาค่าใช้จ่ายสูงซึ่งเป็น ปัญหาในหลายครอบครัวแล้ว ยังสามารถรองรับการเรียนแบบไร้ขีดจำกัด โดยเฉพาะในแง่จำนวนนักเรียนที่มากขึ้น ที่สำคัญ ขณะนี้สถาบันการศึกษาจำนวนมากต่างมีสื่อการสอนออนไลน์ที่เปิดกว้างให้นิสิต สามารถเข้าถึงได้จากออนไลน์อยู่แล้ว หากนักศึกษาอิสระจะใช้ประโยชน์จากสื่อการสอนเหล่านี้บ้าง ก็ย่อมเป็นไปได้โดยง่าย
สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้แปลว่ามหาวิทยาลัยและโรงเรียนจะลดความสำคัญในสังคมลง แต่สถาบันการศึกษาจะมีผลต่อสังคมในวงกว้างขึ้นเนื่องจากสามารถเปิดกว้างให้ผู้ ใฝ่เรียนทั่วไปเข้ามาศึกษาหาความรู้ได้มากขึ้นด้วยเงินไม่มาก ขณะเดียวกันนักเรียนก็สามารถทำงานและสนับสนุนตัวเองได้ง่ายขึ้นขณะเรียน โดยขณะนี้ รูปแบบการเรียนผ่านอินเทอร์เน็ตแนวคิดเดียวกับเกตส์นั้นเกิดขึ้นแล้วในชื่อ The Open University เปิดให้บริการในบางกลุ่มประเทศ และเปิดกว้างให้ผู้ใฝ่รู้สามารถเรียนรู้ที่บ้านและรับใบประกาศได้ในราคา ประหยัด
** ยืนยันควรแจกแล็ปท็อปเด็ก **
งาน นี้ผู้ก่อตั้งมูลนิธิหนึ่งแล็ปท็อปเพื่อเด็ก 1 คนหรือ One Laptop Per Child อย่างนิ โคลัส เนโกรพอนเต (Nicholas Negroponte) ออกมาให้ความเห็นบนเวทีกรณีแรงต่อต้านเรื่องการแจกคอมพิวเตอร์พกพาราคา ประหยัดแก่เยาวชนในประเทศกำลังพัฒนา ว่าเป็นเรื่องที่ไม่มีประโยชน์หากมูลนิธิจะดำเนินการแจกคอมพิวเตอร์เพื่อ เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอย่างเดียวโดยไม่พัฒนาการศึกษาด้านอื่นควบคู่ไปด้วย จุดนี้เนโกรพอนเตระบุว่าไม่จริง เนื่องจากพบว่านอกจากเด็กๆ จะสามารถใช้งานแล็ปท็อปได้เองแล้ว ยังสามารถสอนให้ผู้ปกครองอ่านและเขียนภาษาบนแล็บท็อปได้ด้วย
"เยาวชนในพื้นที่ห่างไกลไม่เพียงสอนตัวเองให้อ่านและเขียนได้ เราพบว่าในเปรู เด็กๆ สามารถสอนผู้ปกครองให้อ่านหรือเขียนบนแล็ปท็อปของตัวเองด้วย"
เนโกรพอนเตยกตัวอย่างเยาวชนในอัฟกานิสถาน ว่าเยาวชนมากกว่าครึ่งหนึ่งไม่ได้ไปโรงเรียนกว่า 75% เป็นเด็กหญิง อย่างไรก็ตาม การสำรวจยังพบว่าคุณครูชาวอัฟกันราว 1 ใน 4 เป็นผู้ไม่รู้หนังสือ โดยอีกส่วนเป็นคุณครูที่จบการศึกษาในระดับที่เหนือกว่านักเรียนเพียง 1 ระดับเท่านั้น
จุดนี้เองที่เนโกรพอนเตมองว่าเยาวชนจะสามารถใช้อินเทอร์เน็ตเปลี่ยนแปลง ระบบการศึกษาในประเทศได้ โดยขณะนี้ คอมพิวเตอร์พกพาในโครงการ OLPC ราว 2 ล้านเครื่องถูกจัดส่งไปยังประเทศกำลังพัฒนาเรียบร้อยแล้ว
เนโกรพอนเตย้ำว่า หากรัฐบาลสหรัฐฯ เจียดเงินงบ
ประมาณเพียง 1% จากงบจัดหายุทโธปกรณ์ 2,000 ล้านเหรียญต่อสัปดาห์ เยาวชนอัฟกันก็จะมีคอมพิวเตอร์พกพาใช้งานกันทุกคน
อีก 5 ปี บิลเกตส์จะมาสมัครเป็นสมาชิกเวบไซท์ เด็กทาเล้นท์.คอม ไหมหนอ